ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
โปรดพิมพ์ตัวเลข เฉพาะปี พ.ศ. ปัจจุบัน เพื่อยืนยันการตั้งกระทู้:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: แจ็ค
« เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2016, 06:00:48 pm »

เข้าไปตรวจ ที่ 28 วัน ผลเป็นปกติครับ
ผลเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนครับ

ขอบคุณครับ
ข้อความโดย: sutee
« เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2016, 02:29:01 pm »

น้ำยาที่ใช้เป็น 4th gen กล่าวคือเป็น รุ่นน้ำยาที่รวมเอาทั้งการตรวจหาเชื้อ (Antigen) และการตรวจภูมิคุ้มกันในชุดน้ำยาเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นน้ำยาตรวจที่ทันสมัยที่สุดตอนนี้
ระยะเวลาหลังการสัมผัสโรค หรือมีความเสี่ยงต่อโรค จะใช้เวลาประมาณ2- 3 สัปดาห์ ในการตรวจ จะสามารถตรวตพบได้ว่าเป็น หรือไม่เป็น ปัจจัยที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เวลาตรวจได้เร็วหรือช้าคือการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส ร่างกายของคนเราจะมีการตอบสนองต่อเชื้อที่รับเข้าไปไม่เท่ากันบางคนก็อาจนานกว่า 3 สัปดาห์ได้ แต่จะไม่เกิน 1 เดือน ดังนั้นหากมีความเสี่ยงควรทำการตรวจทันทีเพื่อเป็นผลสำหรับแสดงว่าตอนนี้เป็นหรือไม่เป็น และ ควรมาตรวจอีกครั้ง เมื่อ 1 เดือน หากผลสองครั้งเป็นลบ (Negative) ก็แสดงว่าไม่เป็นโรค หากผลสองครั้งต่างกัน คือครั้งแรกเป็นลบ (Negative) และครั้งที่สองที่ตรวจหลัง 1 เดือน แสดงว่าติดเชื้อไวรัสจากการที่เสี่ยงมา

กรณีมีความสงสัยเพิ่มเติมสามารถโทรสอบถามได้ที่ 075 312 800 ต่อ 1213 ขอสายนักเทคนิคการแพทย์
ข้อความโดย: แจ็ค
« เมื่อ: ตุลาคม 31, 2016, 06:56:00 pm »

สอบถามเพิ่มเติมอีกนิดครับ
น้ำยาที่ใช้นี้ใช้น้ำยารุ่นไหนครับ
แล้วเสี่ยงกี่วันถึงเข้ารับการตรวจได้ครับ

ขอบคุณครับ
ข้อความโดย: lab
« เมื่อ: ตุลาคม 31, 2016, 01:08:53 pm »

ใช้หลักการ Chemiluminescent microparticle immunoassay (CMIA) ค่ะ ซึ่งเป็นการตรวจวัดเชิงคุณภาพของ HIV P-24 Antigen และแอนติบอดีต่อ HIV-1 และ/หรือ HIV 2
ข้อความโดย: เจษฎา
« เมื่อ: ตุลาคม 30, 2016, 01:54:36 pm »

สอบถามครับการตรวจหาเชื้อ HIV ทางโรงพยาบาลใช้วิธีการใดในการตรวจครับ